วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เครื่องเรือนประเภทพลาสติกและเครื่องเคลือบ

พลาสติก ในปัจจุบันได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น เพราะพลาสติกมีคุณสมบัติพิเศษหลายประการ ได้แก่ มีความเหนียว ทนทาน แข็งแรง น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายได้สะดวก และสามารถนำไปหลอมกลับมาใช้ใหม่ได้
วิธีดูแลรักษา
1. ไม่ควรใช้ภาชนะพลาสติกใส่ของร้อนจัดจนเกินไป เพราะพลาสติกอาจละลายเสียรูปทรง และเป็นอันตรายจากการละลายของสารเคมี
2. พลาสติกที่มีส่วนผสมของสารโพลีไวนีลคลอไรด์ หรือ พีวีซี ใช้ทำขวด หรือ ของเด็กเล่น เป็นต้น อาจเป็นอันตรายจากการละลายของสารเคมีที่ไม่ควรนำมาใช้บรรจุของเหลวร้อน
3. การล้างทำความสะอาดพลาสติกประเภทเมลามีน ใช้ล้างด้วยน้ำสบู่ หรือน้ำ ผงซักฟอก เช็ดให้แห้ง เก็บเข้าที่
4. ถ้าภาชนะเปื้อนไขมันคราบไคลต่าง ๆ ให้ล้างด้วยน้ำอุ่น อย่าใช้ฝอยขัดหม้อที่เป็นโลหะขัด เพราะจะทำให้เป็นรอยขูดขีด
5. ถ้ามีกลิ่นอาหารให้ล้างด้วยน้ำส้มสายชู หรือใช้เปลือกมะนาวถู แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
 
การเก็บรักษา
เครื่องใช้พลาสติกที่ทำความสะอาดแล้ว วางซ้อนเก็บในตู้เก็บภาชนะเครื่องใช้ ส่วนเครื่องเรือนวางตั้งในห้องต่าง ๆ ใช้ผ้าคลุมป้องกันฝุ่นละอองหรือเก็บในห้องเก็บของ

เครื่องเรือนประเภทหนัง

 
สำหรับคนที่มีบ้าน คอนโด ทาวน์เฮ้า หรือแม้แต่ออฟฟิศ ล้วนแต่ต้องมีเฟอร์นิเจอร์มาอำนวนความสะดวกกันอยู่แล้ว ในบรรดาวัสดุที่นิยมนำมาใช้ประดับเฟอร์นิเจอร์ โดยหนังหนังเป็นวัสดุที่นิยมนำมาใช้ทำเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งห้อง โดยส่วนมากเรามักจะเห็นหนังถูกนำมาเป็นวัสดุบุเฟอร์นิเจอร์ แต่เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นก็นำหนังมาดัดแปลงเพื่อเพิ่มความแปลกใหม่และหรูหราให้มากขึ้น เฟอร์นิเจอร์หนังเป็นที่นิยมใช้ในที่พักอาศัย รวมถึงยังเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่บอกฐานะและรสนิยมอันหรูหราได้เป็นอย่างดี ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ประเภท "หนัง" เป็นวัสดุหนึ่งที่นิยมใช้มากที่สุดด้วยลักษณะที่มีความนุ่มนวล สีสันที่สวยงามเป็นธรรมชาติดูมีราคา ไม่สะสมความร้อน และไม่อมฝุ่นละอองต่างๆ
ประเภทของ"หนัง" ที่นิยมใช้ทำเฟอร์นิเจอร์มีอยู่ 2 ประเภทหลัก คือ หนังแท้และหนังเทียม
1.หนังแท้หรือหนังธรรมชาติ มีความโดดเด่นเรื่องความหรูหราดูสง่างามมีรสนิยมอย่างมาก หนังที่ใช้มักมาจากทั้งหนังวัว หนังควาย หนังม้า ฯลฯ เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งที่ทำจากหนังแท้จะมีราคาแพงแต่ในความรู้สึกเมื่อสัมผัสที่ดีเป็นธรรมชาติ มีความนุ่มนวลในตัว และดูดีมีราคาในตัวเอง
2.หนังสังเคราะห์ ซึ่งไม่ใช่หนังธรรมชาติ แต่เกิดจากกรรมวิธีทางเคมีเพื่อทดแทนหนังธรรมชาติ โดยผลิตออกมาคล้ายกับหนังแท้ ซึ่งทุกวันนี้หนังสงเคราะห์มีการพิมม์สีและลายได้สวยเหมือนหนังแท้เลยทีเดียวยิ่งลักษณะภายนอกเหมือนหนังธรรมชาติมากเท่าไร ราคาก็จะยิ่งแพงมากขึ้นเท่านั้น
ข้อเสียของหนังแท้
แม้จะมีผิวที่สวยงามและนุ่มเป็นธรรมชาติกว่าหนังเทียม แต่ก็มีข้อเสียไม่น้อยเลย เช่น ราคาแพง ต้องหมั่นดูแลรักษาเช็ดและเคลือบเงาอยู่เสมอ เนื่องจากหนังแท้จะยังคงมีไขมันหลงเหลืออยู่ เมื่อไขมันระเหยสลายไปจะทำให้หนังแข็งกระด้างและเกิดแตกลายงาได้
ข้อเสียของหนังสังเคราะห์
หนังเทียมนั้นจะมีความทนทานและรับน้ำหนักได้ไม่มากนัก ฉีกขาดง่ายกว่าหนังแท้ และรักษารูปทรงให้คงเดิมได้ยาก เรื่องความรู้สึกหรือผิวสัมผัสยังคงมีความแตกต่างจากหนังแท้อยู่พอสมควร
สำหรับเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ทำจากหนังแท้ต้องดูแลรักษามากกว่าหนังสังเคราะห์พอสมควร ซึ่งอันที่จริงแล้วเฟอร์นิเจอร์และของใช้ทุกชนิดล้วนต้องการการดูแลรักษาด้วยกันทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นผ้า ไม้ เหล็ก หรือพลาสติก เพียงแต่ว่าวัสดุใดจะมีจุดอ่อนด้านไหน และต้องดูแลรักษาด้านไหนเป็นพิเศษ
การดูแลรักษาเฟอร์นิเจอร์และของใช้ที่ทำจากหนัง
1.ห้ามใช้สารเคมี เช่น น้ำมันสน น้ำยาขัดเงา และน้ำยาที่มีฤทธิ์เป็นกรดต่างๆ เช็ดเด็ดขาด เพราะน้ำยาเหล่านี้จะทำลายผิวนอก ของหนังให้ซีดและแห้ง โดยเฉพาะหนังสังเคราะห์ที่แม้จะมีหน้าตาคล้ายหนังแท้มากแค่ไหน แต่อย่าลืมว่าหนังสังเคราะห์นั้นก็คือพลาสติกชนิดหนึ่งนั้นเอง
2.ถ้าเป็นหนังแท้ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดหนังแท้โดยแฉพาะ
3.ไม่ควรวางเฟอร์นิเจอร์หนังไว้ใกล้ที่ร้อน ชื้นแฉะ เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้อายุการใช้งานของหนังสั้นลงและทำให้เกิดเชื้อรา
4.การทำความสะอาดโดยทั่วไปสามารถใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาดได้
 

เครื่องเรือนประเภทไม้

เฟอร์นิเจอร์ไม้ เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับความมากเทียบกับวัสดุอื่นๆที่นำมาผลิตเฟอร์นิเจอร์
การดูแลรักษาเฟอร์นิเจอร์ไม้ มีขั้นตอนที่อาจจะดูยุ่งยากมากว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตจากวัสดุอื่นๆ เนื่องจากคุณสมบัติของตัวไม้เองที่มีความคงทนต่อความชื้นและอุณหภูมิต่ำ อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของสัตว์เล็กๆ เช่นมอดและปลวกอีกด้วย แต่ก็แลกมาด้วยความสวยงาม ซึ่งมีสูงกว่าวัสดุประเภทอื่นๆ อีกทั้งมีราคาแพงกว่ามากด้วย
โดยทั้วไปแล้วการดูแลรักษาเฟอร์นิเจอร์ไม้สามารถทำได้ดังนี้
1.
รักษาเฟอร์นิเจอร์ของเราให้แห้งอยู่เสมอ เนื่องจากความชื้นสามารถทำลายคุณสมบัติของเนื้อไม้ได้
2.
ไม่ปล่อยให้เฟอร์นิเจอร์ไม้ของเราสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง เพราะขอกจากอันตรายต่อเนื้อไม้แล้ว ยังอันตรายต่อสารเคลือบไม้ของเราด้วย
3.
ไม่ให้เฟอร์นิเจอร์ไม้สัมผัสกับเปลวไฟ เนื้องจากไม้เป็นวัสดุที่ติดไฟง่าย ถึงแม้จะไม่ลุกไหม้ก็สามารถเกิดเม่าหรือเถ้าสีดำได้ ทำให้ความสวยลดลง
4.
เมื่อเปื้อนคราบเครื่องดื่มหรืออาหารต้องทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่และเช็ดให้แห้งทันที
5.
ทาสารเคลือบหรือชแล็คบ่อยๆ เพื่อรักษาผิวของเนื้อไม้ให้สวยงามอยู่เสมอและป้องกันมอดและปลวกได้ด้วย

เครื่องเรือน


เครื่องเรือนเป็นสิ่งของเครื่องใช้ที่ช่วยตกแต่งบ้านให้สวยงานหน้าอยู่  ในการทำความสะอาดเครื่องเรือนนั้นควรระวังอย่าให้เกิดรอยขีดข่วน  และเพื่อให้อายุการใช้งานของเครื่องเรือนยาวนานขึ้น เราจึงควรจะดูแลรักษาเครื่องเรือนให้ถูกวิธี ตามลักษณะและชนิดของเครื่องเรือน

***ชนิดของเครื่องเรือน***                                                    

1.เครื่องเรือนประเภทไม้

2.เครื่องเรือนประเภทหนัง

3.เครื่องเรือนประเภทพลาสติกและเครื่องเคลือบ

4.เครื่องเรือนประเภทเครื่องเงิน

5.เครื่องเรือนประเภททองเหลือง

6.เครื่องเรือนประเภทแก้วและกระจก

7.เครื่องเรือนประเภทโลหะ

การถนอมอาหารโดยการใช้รังสี

การฉายรังสีอาหารเป็นวิธีการถนอมอาหารที่ต้องการ
เลี่ยงการใช้ความร้อน เนื่องจากความร้อนสามารถเปลี่ยนแปลงสมบัติด้านประสาทสัมผัสของอาหาร
นั้นๆ ได้ รังสีชนิดที่แตกตัวได้ (ionizing radiation) ที่มีช่วงคลื่นสั้น สามารถที่จะยับยั้งการเจริญของ
จุลินทรีย์ การทำงานของเอนไซม์ และการเจริญเติบโตของไข่ และตัวอ่อนของแมลงได้ดี ทั้งยังสามารถ
ป้องกันการงอกของผัก และผลไม้ โดยยังคงคุณค่าทางโภชนาการ เนื้อสัมผัส และรสชาติของอาหารได้ดี
โดยรังสีที่ใช้ในการถนอมอาหารมี 3 ชนิดคือ รังสีแกมมา (gamma radiation) รังสีเอกซ์ (
x-
radiation)
และอิเล็กตรอนกำลังสูง (high speed electron)


การถนอมอาหารโดยการใช้สารเคมี


การถนอมอาหารโดยการใช้สารเคมีจุดประสงค์เพื่อยึดอายุการเก็บรักษาอาหาร โดยมี
ผลยับยั้งการเน่าเสียเนื่องจากจุลินทรีย์ สารเคมีที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ ได้แก่ เกลือ
น้ำตาล กรด สารกันเสีย สารกันหืน

การถนอมอาหารโดยการหมักดอง

การถนอมอาหารโดยการหมักดอง เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นเนื่องจากจุลินทรีย์ย่อยสลาย
คาร์โบไฮเดรตหรือสารอื่น ภายใต้สภาวะที่มีหรือไม่มีอากาศ ซึ่งจะแตกต่างจากการถนอมอาหารอื่นที่มี
วัตถุประสงค์ในการทำลายจุลินทรีย์ และเอนไซม์ธรรมชาติในอาหาร การหมักดองจะทำให้ pH ของ
อาหารลดต่ำลง ซึ่งจะเป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคเจริญได้

การถนอมอาหารโดยการทำให้แห้ง



การทำให้อาหารแห้งโดยอาศัยธรรมชาติ เป็นการอาศัยแหล่งความร้อนจาก
แสงอาทิตย์หรือผึ่งลม วิธีนี้นิยมใช้ในประเทศแถบร้อนเขตศูนย์สูตร เพราะต้นทุนต่ำ ทำได้ง่าย แต่
ผลิตภัณฑ์ที่ได้จะมีคุณภาพต่ำ เนื่องจากไม่สามารถควบคุมอัตราเร็วในการทำแห้งได้
 
การทำให้อาหารแห้ง โดยอาศัยวิธีกลเข้าช่วย วิธีนี้เป็นการนำหลักการทาง
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าช่วย เช่น การใช้เมมเบรน การระเหย และการอบ การทำให้แห้งโดย
วิธีกลต้องหาสภาวะที่เหมาะสมสำหรับการถนอมอาหารแต่ละชนิด เพื่อให้มีการสูญเสียคุณค่าทาง
โภชนาการน้อยที่สุด การทำให้แห้งส่วนใหญ่จะอาศัยหลักการนำความร้อน และการพาความร้อน การแผ่
รังสี ซึ่งวิธีนี้จะสามารถควบคุมสภาวะแวดล้อมได้ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีคุณภาพ
สม่ำเสมอ
 
 

การถนอมอาหารโดยใช้ความเย็น

การแช่เย็น (chilling) เป็นกรรมวิธีที่ควบคุมอุณหภูมิของอาหารไว้ที่
อุณหภูมิ -1 oC ถึง 8 oC เพื่อลดอัตราการเกิดปฏิกิริยาทางชีวเคมี และการเปลี่ยนแปลงเนื่องจาก
จุลินทรีย์ วิธีนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคุณค่าทางโภชนาการ และคุณสมบัติทางประสาทสัมผัสน้อย
ที่สุด โดยมักจะใช้การแช่เย็นควบคู่กับกรรมวิธีแปรรูปอื่นๆ เช่น การหมัก การฉายรังสี
การแช่เยือกแข็ง (freezing) การแช่เยือกแข็งเป็นกรรมวิธีการลดอุณหภูมิ
ของอาหารให้ต่ำลงกว่าจุดเยือกแข็ง โดยส่วนของน้ำจะเปลี่ยนสภาพไปเป็นผลึกน้ำแข็ง การตรึงน้ำกับ
น้ำแข็ง และผลจากความเข้มข้นของตัวทำละลายในน้ำที่ยังไม่แข็งตัวจะทำให้ค่า water activity ของ
อาหารลดลง จุลินทรีย์จึงไม่สามารถนำน้ำมาใช้ในการเจริญได้ สำหรับอาหารที่นิยมแช่เยือกแข็ง ได้แก่
อาหารทะเล เช่น กุ้ง เนื้อปู

 

การถนอมอาหารโดยใช้ความร้อน

การพลาสเจอร์ไรซ์ (Pasteurization) หมายถึง การทำให้อนุภาคของทุกอนุภาคผ่านความร้อนที่อุณหภูมิ 140 ºF เป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที หรือที่อุณหภูมิ 161 ºF เป็นเวลา 15 นาที
ถ้าในกรณีที่ผลิตภัณฑ์นมมีปริมาณไขมันสูง ควรให้ผ่านความร้อนที่อุณหภูมิ 150 ºF เป็นเวลา 30 นาที หรืออุณหภูมิ 166 ºF เป็นเวลา 15 นาที
จนกระทั่งสามารถทำลายจุลินทรีย์ที่เป็นพิษได้ แต่ไม่ทำให้กลิ่น รส และส่วนประกอบของนมเปลี่ยนแปลงไป อุณหภูมิที่ใช้ในการพลาสเจอร์ไรซ์จะทำลายเชื้อรา ยีสต์ ที่มีอยู่ในนมทั้งหมด
นมพลาสเจอร์ไรซ์ (Pasteurized Milk)
นมพลาสเจอร์ไรซ์ คือ นมสดที่ผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อด้วยความร้อนไม่ต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที หรือใช้ความร้อน 73 องศาเซลเซียส เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 16 วินาที นมพลาสเจอร์ไรซ์มีรส และคุณสมบัติเมือนนมสดตามธรรมชาติมากที่สุด
การใช้ความร้อนระดับสเตอริไลซ์ (sterilization) เป็นการทำให้อาหาร
ปราศจากเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และทำลายจุลินทรีย์ หรือสปอร์ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดการ
เน่าเสีย ซึ่งสามารถที่จะเจริญเติบโตในอาหารได้ที่อุณหภูมิในการเก็บรักษาตามปกติ และไม่ต้องแช่
เย็น โดยความร้อนในการสเตอริไลซ์จะสูงกว่าจุดเดือด คือประมาณ 100-130 oC วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่มี
ประสิทธิภาพสูง เช่น UHT (Ultra High Temperature) โดยจะใช้อุณหภูมิ 135-150 oC เป็นเวลา
1-4
วินาที


 



ลีลาวดี


ลีลาวดี เป็นไม้ยืนต้น มีขนาดจากที่เป็นพุ่มเตี้ยแคระสูงประมาณ0.6 เมตร จนถึงต้นใหญ่มากอาจที่สูงได้ถึง 12 เมตร ลำต้นแผ่กิ่ง
ก้านสาขาและพุ่มใบสวยงาม มีน้ำยางขนสีขาวเป็นพันธุ์ไม้ที่สลัดใบในฤดูแล้งก่อนที่จะผลิดอกผลิใบรุ่นใหม่ชนิดและพันธุ์ที่มีลักษ
ณะดี ต้องมีทรงพุ่มแน่น มีกิ่งก้านสาขามาก ใบดกที่ปลายกิ่ง มีช่อดอกใหญ่ กิ่งที่ยังไม่แก่มีสีเขียวออ่นนุ่ม กิ่งที่แก่มีสีเทามีรอยตะ
ปุ่มตะป่ำ ใบ เป็นใบเดี่ยวมีการเรียงตัวสลับกันและหนาแน่นใกล้ๆปลายกิ่ง มีตั้งแต่สีเขียวอ่อนถึงเขียวเข้ม มีเส้นกลางใบแตกสาขา
ออกไปคล้ายขนนก ขนาดใบแตกต่างกันตั้งแต่ 5-20 นิ้ว ช่อดอก จะถูกผลิตออกมาจากปลายยอดเหนือใบแต่กก็มีบางชนิดที่ออกช่อ
ดอกระหว่างใบหรือออกดอกใต้ใบ ช่อดอกบางชนิดตั้งขึ้น บางชนิดห้อยลง ใน 1 ช่อดอกจะมีดอกบานพร้อมกัน 20-30 ดอก บาง
ต้นสมบูรณ์เต็มที่อาจมีดอกมากกว่า 100 ดอก ต่อ 1 ช่อ ดอกโดยทั่วไป กลีบดอกมี 5 กลีบ เกสรตัวผู้ เกสรตัวเมีย อยู่ลึกเข้าไปข้าง
ใน ดอกของ ลีลาวดีมีสีสรรหลากหลาย ทั้ง ขาว แดง เหลือง ชมพู ส้ม ม่วง สีทอง มีกลิ่นหอมต่างๆกันไปในแต่ละชนิด ดอกมี
ขนาด 2 - 6 นิ้ว มีกลิ่นหอม ผล เป็นฝักคู่ รูปยาวรี กว้างประมาณ 1.5 - 15 ซม. เมื่อแก่แตกเป็น 2ซีก เมล็ดมีจำนวนมาก เมล็ด
แบนมีปีก ลีลาวดีมีช่วงชีวิตที่ยาวนานนับ 100 ปี